รีวิว Mercedes-Benz S 560 Coupe/Cabriolet 2018

Bugatti รถสัญชาติฝรั่งเศสรายนี้ขึ้นชื่อว่าผลิตรถยนต์ที่มีราคานับล้านเหรียญสหรัฐและ Bugatti Divo ก็ไม่ได้รับข้อยกเว้นด้วยราคาสูงถึงหกล้านเหรียญสหรัฐ นับว่าราคาสูงกว่า Chiron รถซุปเปอร์คาร์ล่าสุดของพวกเขาถึงสองเท่าแต่ Bugatti Divo นั้นประเปรียวกว่า ยังนับว่าเป็นรถหายากอีกด้วยเพราะผลิตมาเพียง 40 คัน ซึ่งได้จำหน่ายไปหมดแล้ว ความเร็วสูงสุดของ Chiron อยู่ที่ 261 ไมล์ต่อชั่วโมงแต่ทางผู้ผลิตไม่ได้บอกว่ารถรุ่นใหม่ล่าสุดนี้จะทำความเร็วได้มากกว่าหรือไม่ ที่พวกเขาบอกมีเพียงแค่ว่า Bugatti Divo นั้นจะได้รับการออกแบบเพื่อให้มีประสิทธิภาพที่ดีกว่าและมีน้ำหนักเบากว่า รถคันนี้ตั้งชื่อตามนักแข่งของ Bugatti ที่ชื่อว่า Albert Divo ที่ชนะการแข่งขัน Targa Florio สองครั้งในยุค 1920 บนเขาซิซิลี รถ Bugatti จะทำการประกอบเพียงไม่กี่คันที่ศูนย์การผลิตแทนที่จะไปผลิตตามสายการผลิตทั่วไป

โครงรถยนต์ถูกออกแบบเพื่อให้สร้างแรงกด downforce ที่ 456 กิโลกรัมและเพื่อให้อากาศได้หมุนเวียนได้อย่างเหมาะสมพวกเขาได้ทำอะไรหลายอย่างกับตัวโครงสร้างรถ สิ่งหนึ่งที่พวกเขาทำคือได้เพิ่มดิฟฟิวเซอร์ที่ออกแบบมาเพื่อปรับให้เข้ากับท่อไอเสียสี่ท่อพร้อมทั้งช่องระบายอากาศตรงเบรกและสปอยเลอร์หน้า สปอยเลอร์ท้ายมีขนาด 1.83 เมตร (72 นิ้ว) แต่ยังสามารถปรับความสูงและองศาได้ต่างกัน มันมีขนาดกว้างกว่ารุ่น Chiron อยู่ 23 นิ้ว การที่สปอยเลอร์มีขนาดกว้างกว่านั้นจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและทำให้ระบบเบรกทำงานได้ดีขึ้น

คุณลักษณะพิเศษอื่นของ Bugatti Divo 2018 ประกอบด้วย:

•  ไฟท้ายที่ตกแต่งด้วยไฟ LED แบบสามมิติต่างกัน 44 รูปแบบ
•  เพื่อช่วยในการระบายอากาศในเครื่องยนต์ หลังคารถติดตั้งตัวรับอากาศเพื่อที่มวลอากาศจะได้พัดเข้าในส่วนของเครื่องยนต์ 
•  เครื่องยนต์ W16 ใช้น้ำมันขนาด 8.0 ลิตร 
•  ความเร็วสูงสุดจำกัดที่ 380 กม (236 ไมล์ต่อชั่วโมง) เนื่องด้วยระบบแอโรไดนามิคของรถเอง
•  เข้าโค้งได้เร็วกว่า
•  น้ำหนักเบากว่า Chiron อยู่ 77 ปอนด์ 

Bugatti Divo ได้เผยโฉมในงานเฉพาะกิจที่ชื่อว่า “The Quail” ในเดือนสิงหาคมนี้ที่มอนเทอร์เรย์ แคลิฟอร์เนีย รถคันนี้สามารถวิ่งรอบสนาม Nardo handling circuit ทางตอนใต้ของอิตาลีได้เร็วกว่า Chiron อยู่ 8 วินาที

ระบบเบรกของรถคันนี้ได้รับความเย็นด้วยแหล่งอากาศสี่แหล่ง ที่พบบนทั้งสองด้านของรถ อากาศผ่านเข้ามาทาง:

•  ช่องตรงปีกหน้า
•  กันชนหน้าที่บริเวณกดอากาศสูงอยู่ด้านบน
•  ช่องตรงหม้อน้ำหน้า
•  ด้านหน้าของยางมีดิฟฟิวเซอร์อยู่

ใบพัดจากบริเวณทั้งสี่นี้จะส่งอากาศเย็นไปที่ดิสก์เบรก อากาศร้อนจะส่งกลับออกไปทางล้อผ่านเกราะกันความร้อนเพื่อที่เบรกจะได้ไม่ร้อนเกินไป อุณหภูมิของยางรถยนต์จะอยู่ในระดับที่น่าพึงพอใจด้วยระบบนี้เช่นกัน ส่วนโค้งตรงซุ้มล้อก็ได้รับการถ่ายเทอากาศผ่านเกล็ดตรงปีก